สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ สทนช.
    • ความเป็นมา สทนช.
    • วิสัยทัศน์ / ภารกิจ / ยุทธศาสตร์
      • วิสัยทัศน์
      • ภารกิจ
      • ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
      • ยุทธศาสตร์สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (พ.ศ.2566 – 2570)
      • ยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ สทนช. เพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (ปี พ.ศ. 2568 – 2570)
    • โครงสร้างองค์กร / บทบาทหน้าที่ / ผู้บริหาร
      • โครงสร้างองค์กร
      • บทบาทหน้าที่
      • ผู้บริหารระดับสูง
      • ผู้บริหาร /เจ้าหน้าที่ สทนช.ภาค1
    • คำรับรองปฏิบัติราชการ 2568
  • คกก.ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.)
    • ความเป็นมา กนช.
    • คำสั่ง
      • แต่งตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.)
      • คำสั่งคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.)แต่งตั้ง
      • แต่งตั้งคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด
      • แต่งตั้งคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการฯ
    • สรุปผลการประชุม
      • คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.)
      • คณะอนุกรรมการฯ
        • ด้านการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ
        • ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
        • ด้านเทคนิคและวิชาการ
        • คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด 76 จังหวัด
        • คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาค
        • คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ
      • คณะทำงาน
    • มติ ครม.
      • ผลการประชุม กนช.
      • เรื่องที่เกี่ยวข้อง
      • สรุปมติ ครม. ทั้งหมด
    • ติดตามมติ กนช.
    • คณะกรรมการลุ่มน้ำ
      • รายชื่อคณะกรรมการลุ่มน้ำ
      • มติ คกก.ลุ่มน้ำ
      • ประกาศ คกก.ลุ่มน้ำ
      • หลักเกณฑ์และแนวทางการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำ
    • หลักเกณฑ์/แนวทางเสนอเรื่องต่อ กนช.
  • กฎหมายน้ำ
    • พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561
    • กฎหมายฉบับรอง
      • พระราชกฤษฎีกา (1 ฉบับ)
      • กฎกระทรวง 3 ฉบับ ซึ่งออกตามความในหมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ
      • กฎกระทรวง (7 ฉบับ+1ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
      • ระเบียบ (2 ฉบับ)
      • ประกาศ (15 ฉบับ)
    • กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • ประชาสัมพันธ์ สทนช.1
    • ขั้นตอนการปฏิบัติงานของ สลธ. ในการจัดทำข่าวประชาสัมพันธ์
    • รายงานประจำปี 2567 สทนช.1
    • รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการผู้แทนคณะกรรมการลุ่มนํ้า ในคณะกรรมการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ
  • ข่าวสาร/กิจกรรม
    • ข่าวสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับองค์กรผู้ใช้น้ำ
    • คู่มือจดทะเบียนก่อตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ
    • เอกสารประกอบการลงทะเบียนองค์กรผู้ใช้น้ำ
    • กิจกรรม
  • แผนแม่บททรัพยากรน้ำ
    • แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า 20 ปี (ปรับปรุงช่วงที่ 1 พ.ศ. 2566 – 2580)
    • แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580)
    • หนังสือ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ’61 และ แผนแม่บท 20 ปี ฉบับ พกพา
  • การขับเคลื่อนองค์กรคุณธรรมและวัตนธรรมองค์กร
    • องค์กรคุณธรรม
      • คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานองค์กรฯ สทนช.1 ปี 2568
      • ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนองค์กรฯ สทนช.1 ปี 2568
      • แผนส่งเสริมขับเคลื่อนคุณธรรม สทนช.1 ปี 2568
      • ประกาศยกย่องให้เป็นหน่วยงานคุณธรรม พ.ศ.2568
    • วัฒนธรรมองค์กร
      • แบบรายงานแผนขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร สทนช.1 ปี 2568 (ไตรมาสที่1)
      • แบบรายงานแผนขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร สทนช. ปี 2568 (ไตรมาสที่1)
      • แบบรายงานแผนขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร สทนช. ปี 2568 (ไตรมาสที่2)
  • บทความ
    • องค์ความรู้
      • บทความเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
  • คู่มือ
    • การขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้
      • การปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าไม้
      • ขั้นตอนการขออนุญาต
      • เอกสาร ตัวอย่าง โครงการพัฒนาป่าไม้ร่วมกับองค์กรและเครือข่ายแบบบูรณาการ
      • เอกสาร โครงการเพื่อประโยชน์ในการควบคุม ดูแล รักษาหรือบำรุงป่าสงวนแห่งชาติ ตามความในมาตรา๑๙ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
      • บันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำ
      • ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตและยังไม่ได้ยื่นคำขออนุญาตในระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรี
      • ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม / คู่มือ
    • คู่มือ ศปท.
    • คู่มือองค์กรผู้ใช้น้ำ
    • Ebook ต่างๆ ที่คำสัญ
  • ติดต่อ
  • สทนช.1 ลงพื้นที่และร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทาง การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ณ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว และ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    วันที่ 28 มกราคม 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1  ร่วมกับโครงการชลประทานเชียงใหม่, สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1, สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 1 (ลำปาง), สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่, สถานีพัฒนาที่ดินเชียงใหม่, สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32 และเทศบาลตำบลเมืองนะ ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ณ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว และลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

     วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objectives/Goals)

    สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ในฐานะเลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวงได้ติดตามการดำเนินงานศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว และศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทั้ง 2 แห่ง ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภค น้ำเพื่อการเกษตร จึงมีข้อห่วงใยประกอบกับเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว โดยระยะเร่งด่วน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสำรวจสิ่งก่อสร้างเดิมที่อยู่แล้ว เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด ให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาว ให้มีการสำรวจ จัดหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่ม และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป

    สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)

    • ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย

    การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง หมู่บ้านใกล้เคียง และโรงเรียนโครงการหลวงแกน้อย ได้มีการนำน้ำจากฝายแม่แกนมาใช้ โดยการต่อท่อส่งน้ำมายังบ่อกักเก็บน้ำในศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ปัจจุบันจุดระบายทรายชำรุด วาล์วชำรุดและถูกขโมย โดยในช่วงหน้าแล้ง น้ำจะแห้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคม – พฤษภาคม ทั้งนี้ได้มีการดำเนินการขุดลอกหน้าฝายเป็นประจำทุกปี โดยภายในศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จะมีระบบประปาบาดาลเสริมอีก 1 แห่ง
    และระบบกรองน้ำสะอาด เพื่อแจกจ่ายน้ำไว้ใช้ภายในศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ส่งน้ำให้กับโรงเรียนฯ และชุมชนบ้าน ม.2 แต่ปัจจุบัน ระบบประปาบาดาลไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากปริมาณน้ำบาดาลไม่เพียงพอ และระบบกรองน้ำชำรุดเสียหาย ทำให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงโรงเรียน และชุมชนบ้านม.2 ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภค

    สรุปข้อหารือ (Conclusion)

    • ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย

    1. มอบโครงการชลประทานเชียงใหม่ จัดทำโครงการปรับปรุงซ่อมแซมฝายแม่แกน

    2. มอบเทศบาลตำบลเมืองนะ จัดทำโครงการปรับปรุงซ่อมแซ่มบ่อเก็บน้ำ พร้อมติดตั้งระบบสูบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และปรับปรุงระบบกรองน้ำสะอาด บริเวณศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย

    3. มอบสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลที่ 1 ตรวจสอบระบบสูบน้ำและถังสูง พร้อมทั้งจัดทำโครงการปรับปรุงระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมระบบกรอง

    4. มอบศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย และชุมชน จัดทำหนังสือไปยังโครงการชลประทานเชียงใหม่ เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการขุดลอกหน้าฝายแม่แกนเป็นประจำทุกปี

    5. แผนระยะยาว มอบศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อยประสานโครงการชลประทานเชียงใหม่ ร่วมกับชุมชน ในการสำรวจหาพื้นที่สร้างสระเก็บน้ำเพิ่มเติมอีกประมาณ 2 จุด

    ทั้งนี้ การจัดทำแผนงาน/โครงการ ให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการจัดส่งแผนงาน/โครงการ ให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง นำเข้าที่ประชุมคณะทำงานโครงการหลวงเพื่อขอความเห็นชอบ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และให้หน่วยงานเสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ผ่านระบบ TWP ในรอบถัดไป และให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ประสานกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ในการจัดตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำภายใต้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561

    .

    .

    .

    วันที่ 29 มกราคม 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1  ร่วมกับโครงการชลประทานเชียงใหม่, สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1, สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 1 (ลำปาง), สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่, สถานีพัฒนาที่ดินเชียงใหม่, สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32 และเทศบาลตำบลเมืองนะ ร่วมลงพื้นที่เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objectives/Goals)

    สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ในฐานะเลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง ได้ติดตามการดำเนินงานศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว และศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทั้ง 2 แห่ง ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภค น้ำเพื่อการเกษตร จึงมีข้อห่วงใยประกอบกับเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว โดยระยะเร่งด่วน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสำรวจสิ่งก่อสร้างเดิมที่อยู่แล้ว เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด ให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาว ให้มีการสำรวจ จัดหาแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่ม และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป

    สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)

    • ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว

    การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และหมู่บ้านใกล้เคียง มีการนำน้ำจากฝายผาแดง ฝายห้วยเย็น และฝายแม่มะหลอด มาพักไว้ที่สระเก็บน้ำหลักขนาดความจุ 25,000 ลบ.ม. และกระจายน้ำไปยังหมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านหนองเขียว หมู่บ้านใหม่สามัคคี โดยจะมีบ่อพักน้ำและถังเก็บกักน้ำประจำหมู่บ้าน ปัจจุบันหัวฝายห้วยเย็น และฝายแม่มะหลอดชำรุดเสียหายจากอุทกภัยครั้งที่ผ่าน ส่งผลทำให้ไม่สามารถส่งน้ำเข้าไปกักเก็บในสระเก็บน้ำหลักขนาด 25,000 ลบ.ม. ได้ โดยในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา จะมีการจัดรอบเวรในการส่งน้ำให้แต่ละพื้นที่ ประกอบกับในพื้นที่บ้านใหม่สามัคคี หย่อมบ้านอาข่า มีบ่อน้ำบาดาล 1 บ่อ แต่ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า เครื่องสูบน้ำและท่อส่งน้ำชำรุด และมีบ่อกักเก็บน้ำขนาดเล็ก จำนวน 1 บ่อ แต่รั่วซึม ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้

    สรุปข้อหารือ (Conclusion)

    • ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว

    1. มอบโครงการชลประทานเชียงใหม่ จัดทำแผนงาน/โครงการปรับปรุงหัวฝายและระบบท่อส่งน้ำของฝายห้วยเย็น และฝายแม่มะหลอด

    2. มอบสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ พร้อมทั้งประสานสำนักบริหารจัดการป่าไม้ที่ ๑ ในการดำเนินโครงการร่วม ตามมาตรา 19 พ.ร.บ.ป่าไม้ เพื่อนำน้ำจากฝายห้วยแม่มะหลอดไปเติมบ่อดินกักเก็บน้ำ ณ บ้านใหม่สามัคคี หย่อมบ้านอาข่า พร้อมทั้งปรับปรุงซ่อมแซมบ่อดินดังกล่าว

    3. มอบสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลที่ 1 จัดทำโครงการปรับปรุงบ่อบาดาลพร้อมติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และถังเก็บน้ำขนาด 30 ลูกบาศก์เมตร ที่หมู่บ้านใหม่สามัคคี หย่อมบ้านอาข่า

    4. มอบเทศบาลตำบลเมืองนะ จัดทำโครงการระบบส่งน้ำพร้อมติดตั้งระบบกรองน้ำสะอาด บริเวณโรงเรียนหนองเขียว โดยนำน้ำจากสระเก็บน้ำหลักขนาด 25,000 ลบ. เพื่อแจกจ่ายน้ำให้กับโรงเรียนและชุมชน

    ทั้งนี้ การจัดทำแผนงาน/โครงการ ให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการจัดส่งแผนงาน/โครงการ ให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง นำเข้าที่ประชุมคณะทำงานโครงการหลวงเพื่อขอความเห็นชอบ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และให้หน่วยงานเสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าว เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ผ่านระบบ TWP ในรอบถัดไป และให้
    ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ประสานกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ในการจัดตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำภายใต้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561

    ictwebadminonwr1

    30 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • สทนช.1 ลงพื้นที่ศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ในพื้นที่ จ.เชียงราย

    วันที่ 24 – 26 มกราคม 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผอ.สทนช.1 พร้อมด้วย นายพิทักษ์ ดวงพรม ปฏิบัติหน้าที่ ผปน.โขงเหนือ และนางจุติมา เปรมสมบัติ เจ้าหน้าที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ เข้าร่วมลงพื้นที่ศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสภาผู้แทนราษฎร ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีนายจักรัตน์ พั้วช่วย ประธานคณะกรรมาธิการการฯ เป็นหัวหน้าคณะ ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังปัญหาและหารือร่วมกันในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และลงพื้นที่เพื่อศึกษาดูงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยบริเวณแม่น้ำกก อ.เมืองเชียงราย เทศบาลตำบลป่างิ้ว อ.เวียงป่าเป้า สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และบริเวณตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย จ.เชียงราย

     คณะกรรมาธิการฯ ได้รับทราบสภาพปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.เชียงราย และแนวทางในการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แนวทาง มาตรการการแก้ไขปัญหาและการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย แนวทางการพัฒนาและปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนภัย แผนงาน/โครงการในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในลำน้ำกก และแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก โดยเฉพาะความก้าวหน้าการดำเนินการแผนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อ.แม่สาย ในระยะเร่งด่วน การดำเนินการสำรวจและขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ร่วมกันระหว่างไทยและเมียนมา และการแก้ไขปัญหาระยะยาวตามแนวทางการแก้ไขปัญหาอุกทภัยและดินโคลนถล่มของกรมโยธาธิการและผังเมือง

      คณะกรรมาธิการฯ เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในจังหวัดเชียงราย โดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนและความสมดุลระหว่างการแก้ไขปัญหาด้านน้ำแล้งและน้ำท่วม

    .

    .

    ictwebadminonwr1

    29 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • สทนช.1 ลงพื้นที่ติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง-ลุ่มน้ำสาละวิน อ.อมก๋อย และ อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

    วันที่ 21- 23 มกราคม 2568 สทนช.1 โดย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 ร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ อำเภออมก๋อย, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ สาขาฮอด, สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1, โครงการชลประทานเชียงใหม่, สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงใหม่, สำนักบริหารจัดการป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง-ลุ่มน้ำสาละวิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  

      วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objectives/Goals)

    1. เพื่อติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 จากการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการอุปโภคบริโภค
    2. เพื่อรับทราบปัญหาและร่วมบูรณาการเพื่อหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมเชิงป้องกันและการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)

    • ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีน้ำแม่ตื่นเป็นแม่น้ำสายหลัก และลำห้วย พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และใช้น้ำจากลำห้วยในการผลิตระบบประปาภูเขา ทั้งนี้ เนื่องจากไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ ส่งผลให้ในฤดูฝนจะเกิดน้ำหลากท่วมพืชผลทางการเกษตร และในฤดูแล้งจะขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภค เกิดการทับถมของตะกอนดินทราย ตามแม่น้ำ ลำคลอง เป็นเหตุให้แหล่งน้ำตื้นเขิน คุณภาพน้ำไม่ได้มาตรฐาน อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของประชากรทำให้มีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงแหล่งต้นน้ำถูกทำลายเนื่องจากการบุกรุกถางป่า การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขยายพื้นที่ทำกินภาคเกษตร
    • ตำบลแม่หลอง อำเภออมก๋อย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันและอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีน้ำแม่หลอง น้ำแม่เงา น้ำแม่ตื่น และน้ำแม่โขง เป็นลำน้ำสาขาในการใช้อุปโภคบริโภค รวมถึงการเกษตรในพื้นที่ และใช้ระบบประปาภูเขา โดยตำบลแม่หลองมีแหล่งน้ำจำนวนมาก แต่ขาดแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ และการบริหารจัดการน้ำที่ดี
    • ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันและอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีน้ำแม่โขง น้ำแม่ฮอง และน้ำแม่ลอก เป็นลำน้ำสาขา ใช้ระบบประปาภูเขาในการอุปโภคบริโภค รวมถึงการเกษตรในพื้นที่ ทั้งนี้ เกือบทุกหมู่บ้านประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง รวมถึงขาดแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่

    สรุปข้อหารือ (Conclusion)

    • ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย
    1. มอบ อบต.อมก๋อย และทต.อมก๋อย ดำเนินการ
      1.1 จัดทำฐานข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำ เช่น แหล่งน้ำต้นทุน จำนวนฝายในพื้นที่ ระบบประปา ฐานข้อมูลชุมชน Shapefile แผนที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำในช่วงเดือนมีนาคม
      1.2 พิจารณาจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่หมู่ 4
      1.3 จัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในแต่ละหมู่บ้านเพื่อดูแลและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
      1.4 จัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำของตำบล
    2. มอบโครงการชลประทานเชียงใหม่ โดยฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 8 พิจารณาขยายระบบส่งน้ำอ่างห้วยน้ำค้าวเข้าในเขตพื้นที่ตำบลอมก๋อย และพิจารณาขุดลอกพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์อ่างเก็บน้ำบ้านดง (อ่างพระราชดำริ)
    • ตำบลแม่หลอง อำเภออมก๋อย
    1. มอบ อบต.แม่หลอง
      1.1 พิจารณาจัดหาแหล่งกักเก็บน้ำสำรอง ม.2 โดยจัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณของ อปท.
      1.2 ดำเนินการซ่อมแซมระบบประปาภูเขาที่ชำรุดในพื้นที่ หย่อมบ้านแม่หลวงน้อย ม.2 เพื่อให้มีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง
      1.3 จัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในแต่ละหมู่บ้านเพื่อดูแลและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
    • ตำบลนาเกียน อำเภออมก๋อย
    1. มอบ อบต.นาเกียน
      1.1 ประสานกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อจัดทำโครงการระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการร่วมโดยใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ ม.19 ในการจัดทำโครงการ
      1.2 จัดทำฝายกั้นน้ำชั่วคราวเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในช่วงฤดูแล้ง
      1.3 บูรณาการร่วมกับปภ.สาขาฮอด ดำเนินการสำรวจพื้นที่ภัยแล้ง พร้อมรายงานเหตุให้อำเภอ ปภ.จังหวัด ในการพิจารณาประกาศเขตภัยแล้งต่อไป
      1.4 พิจารณาจัดเตรียมโครงการเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณผ่านระบบ TWP ในห้วงเดือนมีนาคม

    .

    .

    วันที่ 24 มกราคม 2568 สทนช.1 โดย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยนายธีระ วงศ์ใหญ่ ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการและบริหารจัดการน้ำ นางสาวธัญญารัตน์ เอี่ยมปลัด ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผนลุ่มน้ำ นางสาวดาวประกาย เรือนเงิน ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำปิง และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาจร ลงพื้นที่ติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำปิง ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

    วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objectives/Goals)

    1. เพื่อติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 จากการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการอุปโภคบริโภค
    2. เพื่อรับทราบปัญหาและร่วมบูรณาการเพื่อหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมเชิงป้องกันและการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
      สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)
    • ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม พื้นที่ร้อยละ 90 เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีสภาพเป็นป่าเขาและภูเขาสูงชัน มีแม่น้ำแจ่ม แม่น้ำขุนแม่นาย และแม่น้ำแม่หยอดเป็นแม่น้ำสายหลัก ส่วนใหญ่ใช้ระบบประปาภูเขาและบางส่วนใช้น้ำจากลำน้ำแม่แจ่มในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ปัจจุบันเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่หมู่ 5 และ 16 เนื่องจากระบบประปาและท่อส่งน้ำชำรุดไม่สามารถใช้งานได้
      สรุปข้อหารือ (Conclusion)
    • มอบองค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาจร
      ดำเนินโครงการปรับปรุงซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้านและท่อส่งน้ำ พร้อมระบบกรองน้ำ โดยใช้แบบมาตรฐานของกรมทรัพยากรน้ำ
      และเสนอของบประมาณงบกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้ประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้าน มากกว่า 500 ครัวเรือน

    ictwebadminonwr1

    27 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • สทนช.1 ลงพื้นที่ติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำยม

           สทนช.1 โดย ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำยม ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการและบริหารจัดการน้ำ และผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผนลุ่มน้ำ ร่วมลงพื้นที่กับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำยม ดังนี้

        วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objectiver/Goals)
         (1) เพื่อติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 2567/2568 จากการประเมินสถานการณ์ และคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการอุปโภคบริโภค

         (2) เพื่อรับทราบปัญหาและร่วมบูรณาการเพื่อหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมเชิงป้องกันและการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)
                –  ต.บ้านหวด อ.งาว จ.ลำปาง ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ในพื้นที่หมู่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่นอกเขตชลประทาน โดยใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติลำห้วย และน้ำจากบ่อน้ำตื้นในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านและประปาภูเขา ซึ่งระบบประปาที่ใช้อยู่ปัจจุบันไม่มีระบบกรองน้ำ เป็นการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติโดยตรงทำให้น้ำมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ประกอบกับพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบสูงอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทและป่าสงวนแห่งชาติไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุน ทำให้ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำและไม่เพียงพอต่อความต้องการในช่วงฤดูแล้ง (กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม) ของทุกปี โดยสถานการณ์น้ำปัจจุบันยังเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนสรุปข้อหารือ (Conclusion)
               – อบต.บ้านหวด ดำเนินการสำรวจออกแบบระบบประปาหมูบ้านโดยใช้น้ำผิวดินจากลำห้วยแม่หวด และขอรับการสนับสนุนจากสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลที่ 1 ในการสำรวจข้อมูลศักยภาพน้ำบาดาลในพื้นที่เพื่อใช้ประกอบการจัดทำแผนพัฒนาแหล่งน้ำสำรองในการใช้ผลิตประปาหมู่บ้าน
              – อบต.บ้านหวด ดำเนินการสำรวจออกแบบการขุดลอกห้วยแม่หวด เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำสำหรับเป็นแหล่งน้ำต้นทุนรองรับการผลิตประปาหมู่บ้าน

    สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)
        – การประปาภูมิภาคสาขาจุน หน่วยบริการปง จังหวัดพะเยา มีขนาดกำลังผลิต 100 ลบ.ม./ชม. ปัจจุบันจ่ายน้ำประปา 1,350 ลบ.ม./วัน ประมาณ 41,850 ลบ.ม./เดือน คิดเป็น 502,200 ลบ.ม./ปี โดยใช้น้ำจากลำน้ำงิมเป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา ซึ่งปัจจุบันยังคงมีน้ำใช้เพียงพอและคาดการณ์ใช้ได้ตลอดฤดูแล้ง ปี 2568   สรุปข้อหารือ (Conclusion)
        – การประปาภูมิภาคสาขาจุน หน่วยบริการปง อยู่ระหว่างดำเนินการทำฝายยกระดับน้ำบริเวณจุดสูบน้ำดิบ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนและเตรียมความพร้อมรองรับกับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง

    ictwebadminonwr1

    20 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • ลงพื้นที่และรับฟังการบรรยายการใช้เทคโนโลยีเพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมภาคเหนือ ด้วยการจัดทำระดับ Flood Mark และลงพื้นที่ชมการสำรวจค่าระดับ Flood Mark โดยรถสำรวจระดับความสูงภูมิประเทศ (Mobile Mapping System : MMS)

           วันที่ 13 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยนายธีระ วงศ์ใหญ่ ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการและบริหารจัดการน้ำ นางสาวธัญญารัตน์ เอี่ยมปลัด ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผนลุ่มน้ำนางสาวดาวประกาย เรือนเงิน ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำปิง และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 ร่วมกับ เครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) นำโดย ดร.พิจิตต รัตตกุล, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) นำโดย ดร.สุทัศน์ วีสกุล, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รศ.ชูโชค อายุพงศ์, ผู้แทนจังหวัดเชียงใหม่ โดย นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมลงพื้นที่และรับฟังการบรรยายการใช้เทคโนโลยีเพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมภาคเหนือ ด้วยการจัดทำระดับ Flood Mark และลงพื้นที่ชมการสำรวจค่าระดับ Flood Mark โดยรถสำรวจระดับความสูงภูมิประเทศ (Mobile Mapping System : MMS) บริเวณตำบลหนองแฝก อำเภอสารภีจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

        
    ากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายและลงพื้นที่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการถอดบทเรียนจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ พบว่า สาเหตุหลักเกิดจากศักยภาพการไหลของน้ำลดลง ไม่สามารถรองรับมวลน้ำหลากได้ เนื่องจากเกิดการทับถมของตะกอนในลำน้ำปิง มีการรุกล้ำลำน้ำ ส่งผลทำให้พื้นที่หน้าตัดของแม่น้ำปิงลดลงมาก และมีสิ่งกีดขวางทางน้ำซึ่งเป็นฝายหินทิ้ง จำนวน 3 แห่งซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำยกระดับสูงขึ้นมากกว่าปกติ โดยได้มีการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งการใช้สิ่งก่อสร้าง และไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง ด้วยการขุดลอกตะกอนที่ตื้นเขินจากแม่น้ำปิง การรื้อสิ่งรุกล้ำทางน้ำและขุดขยายเพิ่มพื้นที่หน้าตัดแม่น้ำปิง รวมถึงปรับปรุงสภาพฝายหินทิ้ง 3 แห่งในแม่น้ำปิง บริเวณเขตตัวเมือง โดยได้มีการจัดทำ Flood Mark ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 230 กิโลเมตร จำนวน ๔๐ จุด ครอบคลุม 3 อำเภอ 18 ตำบล ทำให้ทราบถึงระดับความลึกของน้ำท่วม ระดับต่ำสุด 0.2 เมตร ที่ตำบลสันผีเสื้อ และระดับสูงสุดที่ตำบลช้างคลาน ระดับ 2.13 เมตร โดยเป็นระบบสำรวจและเก็บข้อมูลแบบ 3D Point Cloud อ้างอิงพิกัดและค่าระดับความสูง (ม.รทก.) โดยอ้างอิงค่าพิกัดแบบต่อเนื่องแห่งชาติ (NCDC) และระบบ GNSS Receiver จัดทำตำแหน่งควบคุมค่าพิกัด (CGP) และCheck point เพื่อตรวจสอบค่าความถูกต้องของข้อมูล และมีการประมวลผลระบบสามมิติในระบบสารสนเทศสำหรับพื้นที่ของอำเภอสารภี ในช่วงที่เกิดอุทกภัยที่ผ่านมา เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมกันนำเทคโนโลยีดังกล่าว สำรวจข้อมูลพื้นที่น้ำท่วม เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดทิศทาง
    การไหลของน้ำและตำแหน่งในการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำลงสู่แม่น้ำสายหลักได้อย่างเป็นระบบและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ได้ ควบคู่กับการดำเนินการจัดทำ Flood Mark เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่อไปในอนาคต


    ทั้งนี้การตรวจวัดคุณภาพน้ำด้วยนวัตกรรมที่นักวิจัย สวทช.จะพัฒนาขึ้นได้ต้องเกิดจากพลังสำคัญจากชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและร่วมปรับปรุงคุณภาพน้ำโดยอาศัยองค์ความรู้จาก วทน. ของ สวทช. มาช่วยสนับสนุนเพื่อให้เกิดเป็นชุมชนต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำด้วย วทน. นอกจากนี้ สวทช.ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี   เพื่อการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง และเทคโนโลยีเพื่อรองรับปัญหาอุทกภัยด้วย

    ictwebadminonwr1

    16 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • สทนช.1 ร่วมประชุมติดตามและเยี่ยมชมโครงการตรวจวัดและพัฒนาคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสำนักงบประมาณ

           วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 เข้าร่วมประชุมติดตามและเยี่ยมชมโครงการตรวจวัดและพัฒนาคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค  ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสำนักงบประมาณ ณ บ้านสันดอนแก้ว  ตำบลสันดอนแก้ว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง โดยมีนายฐิติพัฒน์ จำลองปั้น ปลัดอำเภอแม่ทะ  เป็นประธานในการประชุม

        
    ด้วยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรดำเนินโครงการตรวจวัดและพัฒนาคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคด้วยวิทยาศาสตร
    เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้แผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตั้งแต่ปี 2566 เพื่อนำผลงานวิจัย  ไปใช้ประโยชน์เพื่อสังคมและชุมชน และพยายามพัฒนาเทคโนโลยีในพื้นที่อื่น ๆ ใหสอดคล้องกับ  1) นโยบายของรัฐบาลที่จะยกระดับการบริหารจัดการน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภคให้ประชาชน  และ 2) สอดคล้องกับแผนสำคัญของประเทศ 

    ทั้งนี้การตรวจวัดคุณภาพน้ำด้วยนวัตกรรมที่นักวิจัย สวทช.จะพัฒนาขึ้นได้ต้องเกิดจากพลังสำคัญจากชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและร่วมปรับปรุงคุณภาพน้ำโดยอาศัยองค์ความรู้จาก วทน. ของ สวทช. มาช่วยสนับสนุนเพื่อให้เกิดเป็นชุมชนต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำด้วย วทน. นอกจากนี้ สวทช.ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี   เพื่อการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง และเทคโนโลยีเพื่อรองรับปัญหาอุทกภัยด้วย

    ictwebadminonwr1

    10 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • สทนช. และผู้แทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ติดตามมาตราการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำวังณ ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง และ ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ. ลำปาง

    วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objectives/Goals)

    ติดตามสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งปี 2567/2568จากการดำเนินการติดตาม ประเมินสถานการณ์ และชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ

    รับทราบปัญหาในพื้นเสี่ยงขาดแคลนน้ำ และความเสี่ยงขาดแคลนน้ำแต่ละหมู่บ้าน
    รับทราบแนวทางในการเตรียมการ/รับมือสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหา


    สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)

    tต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง ประสบปัญหาเรื่องน้ำอุปโภค-บริโภคที่หมู่ 2,6,10สาเหตุมาจาก  1. แหล่งกักเก็บน้ำไม่เพียงพอ  2. สภาพแหล่งกักเก็บน้ำที่มีอยู่ตื้นเขินไม่สามารถกักเก็บน้ำในระยะยาวได้   3. คุณภาพของน้ำแหล่งกักเก็บน้ำบางแห่งไม่สามารถน้ำมาใช้อุปโภค-บริโภคได้ ปัจจุบัน สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 ได้จัดทำแผนงานโครงการปรับปรุงระบบส่งน้ำอ่างแม่ดงหลวง ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาโครงการงบประมาณปี 2569 ของทาง กนช. ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง ประสบปัญหาเรื่องน้ำอุปโภค-บริโภคที่หมู่ 2,5,8 สาเหตุมาจาก  1. แหล่งกักเก็บน้ำไม่เพียงพอ  2. สภาพแหล่งกักเก็บน้ำที่มีอยู่ตื้นเขินไม่สามารถกักเก็บน้ำในระยะยาวได้   3. ปริมาณและคุณภาพน้ำบาดาลไม่เพียงพอ

    ปัจจุบัน  อบต.นาแส่ง ได้เสนออ่างเก็บน้ำแม่ไฮ และอ่างเก็บน้ำแม่ปัดให้กับสำนักงานชลประทานที่ 2 เพื่อทำการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำ


    แนวทางการแก้ไข (Corrective Measures)

    ㆍ ระยะสั้น จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำ น้ำดื่มบรรจุขวดเพื่อสนับสนุนการอุปโภค-บริโภค โดยบูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุน (อบต./กรมทรัพยากรน้ำบาดาล/กรมทรัพยากรน้ำ ฯลฯ)

    ㆍ ระยะกลาง ดำเนินโครงการขุดเจาะบ่อบาดาล โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำ ฝายชะลอน้ำในพื้นที่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ (อบต./กรมทรัพยากรน้ำบาดาล/กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน ฯลฯ)

    ㆍ ระยะยาว จัดหาแหล่งน้ำประปาผิวดิน โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำ โครงการระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำ เพื่อความยั่งยืนในการใช้น้ำด้านการอุปโภค-บริโภค และแหล่งต้นทุนเพื่อบรรเทาปัญหาด้านการอุปโภค-บริโภค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ictwebadminonwr1

    2 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • สทนช.1 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำผุดในพื้นที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    วันที่ 23-24 ธันวาคม 2567 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1ร่วมกับ นายวสันต์ จอมภักดี กรรมการลุ่มน้ำปิง ผู้ทรงคุณวุฒิ, นายชัยพร ศิริพรไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรธรณี, คณะอาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง, ผู้แทนสำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 1 ลำปาง, ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 ลำปาง,ผู้แทนสำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่, ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่, ผู้แทนสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่), ผู้แทนสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน), เทศบาลตำบลเมืองนะ, ผู้นำชุมชน และหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำผุด ในพื้นที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่


    สืบเนื่องจากเหตุการณ์น้ำผุด ซึ่งเกิดขึ้นที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๖๗ เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีปริมาณน้ำจำนวนมากจนเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร บ้านเรือนประชาชน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยทางคณะกรรมการลุ่มน้ำปิง ได้มีมติที่ประชุม ครั้งที่9/2567 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมสำรวจ ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียด และศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป


    จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ พบว่าความถี่ของการเกิดน้ำผุดในพื้นที่ตำบลเมืองนะ มีความถี่ในการเกิดเหตุ บางจุดเกิดขึ้น 7-8 ปี/ครั้ง, ๕-๖ ปี/ครั้ง, ๓-๔ ปี/ครั้ง และ
    ๑-๒ ปี/ครั้ง โดยในปีนี้เกิดเหตุขึ้นที่พื้นที่หมู่ 3 (หนองหมูฮ่อ หย่อมบ้านรินหลวง บ้านนาหวาย) หมู่ที่ 6 (บ้านน้ำรู) หมู่ที่ 10 (บ้านอรุโณทัย,น้ำผุดออกถ้ำ,หนองอุก) หมู่ที่ 11 (บ้านหนองแขม) และหมู่ที่ 12 (หนองวัวแดง บ้านหนองเขียว) โดยมีระดับน้ำผุดขึ้นท่วมสูงกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา
    ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลเมืองนะ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขาฯ ดำเนินการสรุปผลการประชุมเพื่อเสนอคณะกรรมการลุ่มน้ำปิง พิจารณามอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการขับเคลื่อน ดังนี้
    1. ให้กรมทรัพยากรธรณีพิจารณาการศึกษาด้านธรณีวิทยาทั้งในพื้นที่ตำบลเมืองนะ และพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงกัน
    2. ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลพิจารณาการศึกษา สำรวจ ดำเนินการเจาะบ่อสังเกตการณ์ เพื่อวัดระดับน้ำ โดยติดตั้งและดัดแปลงข้อมูลให้ทราบแบบ Real Time
    และศึกษาทิศทาง อัตราการไหลของน้ำในโพรงใต้ดิน โดยดำเนินการร่วมกับสถาบันการศึกษาในพื้นที่ต่อไปในระยะยาว
    3. ให้กรมทรัพยากรน้ำพิจารณาติดตั้งสถานีวัดน้ำฝนพื้นที่ต้นน้ำให้มากขึ้น
    4. ให้กรมควบคุมมลพิษ จัดทำแบบฟอร์มกลางในการบันทึกข้อมูล ด้านคุณภาพน้ำ เพื่อให้พื้นที่บันทึกข้อมูลและส่งผลกลับให้กรมควบคุมมลพิษในการวิเคราะห์ผลต่อไป
    5. ให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบเขตพื้นที่อนุรักษ์ ป่าสงวน พื้นที่คทช. พื้นที่สปก. เพื่อจะได้ดำเนินการในด้านการบริหารจัดการพื้นที่
    ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    6.ให้เทศบาลตำบลเมืองนะ จัดทำ Flood Mark เพื่อวัดปริมาณน้ำเป็นรายสัปดาห์/รายเดือน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการบริหารจัดการ, ให้ดำเนินการจัดตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ พร้อมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น, ให้เทศบาลตำบลเมืองนะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดแผนระยะสั้น กลาง ยาว ในการแก้ไขปัญหาน้ำผุดอย่างมีประสิทธิภาพ
    ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 จะดำเนินการประสานและรวบรวมข้อมูลของแต่ละหน่วยงานเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำปิง เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการประชุมคราวถัดไป

    ictwebadminonwr1

    2 มกราคม 2025
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • นายกฯ มุ่งบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้ชาวอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

    นายกฯ มุ่งบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้ชาวอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

    รุดติดตามการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ระยะเร่งด่วน ให้แล้วเสร็จก่อนเข้าสู่ฤดูฝนปี 68

    นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกฯ ประเสริฐ ลงพื้นที่ติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ณ จังหวัดเชียงราย แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานในระยะเร่งด่วน เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ให้ทันก่อนเข้าสู่ฤดูฝนปี 68 มุ่งบรรเทาอุทกภัย ลดผลกระทบทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวอำเภอแม่สายให้ได้มากที่สุด
    วันนี้ (1 ธ.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ณ ริมแม่น้ำสาย ตลาดสายลมจอย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่
    เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ในวันนี้นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายและเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศไทย – เมียนมา เนื่องจากความตื้นเขินของแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลง ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันในช่วงที่ฝนตกหนัก จึงถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดอุทกภัย ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีสถานการณ์ฝนตกหนักมากในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย – รวก ส่งผลให้เกิดน้ำหลากในแม่น้ำสาย มีน้ำหลากและโคลนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญบริเวณด่านการค้าชายแดนแม่สาย เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าว คณะทำงานเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย จึงได้มีแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่ระยะเร่งด่วน 1 ปี ระยะกลาง 1 – 3 ปี และระยะยาว 3 – 5 ปี สำหรับแผนในระยะเร่งด่วน ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในแม่น้ำ ประกอบด้วย ขุดลอกแม่น้ำ รื้อถอนสิ่งกีดขวางทางน้ำ และสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว/กึ่งถาวร รวมระยะทางแม่น้ำสาย 14.15 กิโลเมตร และแม่น้ำรวก 31.19 กิโลเมตร มีกองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยกำหนดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จทันฤดูฝนปี 2568
    “แม่น้ำสายและแม่น้ำรวกเป็นแม่น้ำที่มีความคดเคี้ยว ส่งผลต่อการเอ่อล้นข้ามระดับตลิ่ง รวมทั้งเป็นลำน้ำระหว่างประเทศที่ต้องอาศัยการเจรจาร่วมกันในคณะกรรมการร่วมไทย – เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก (JCR) โดยปัจจุบัน กองทัพบกได้สำรวจแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกแล้วเสร็จ และจะมีการเสนอแผนงานการขุดลอกและกลไกการขับเคลื่อน ในการประชุม JCR ครั้งที่ 4/2567 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 19 – 20 ธ.ค. 67 ก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ โดยจะดำเนินงานให้เสร็จสิ้นตามแผนก่อนเดือน พ.ค. 68 เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปีหน้า ลดผลกระทบต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของชาวอำเภอแม่สายให้ได้มากที่สุด สำหรับแผนระยะกลาง ได้แก่ โครงสร้างป้องกันน้ำท่วมและป้องกันตลิ่งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ และโครงการขุดคลองผันน้ำ ซึ่งมีแผนการดำเนินงานในช่วงปี 2570 – 2572 และแผนระยะยาว ได้แก่ โครงการจัดการพื้นที่รับน้ำชั่วคราว (แก้มลิง) ซึ่งมีแผนการดำเนินงานช่วงปี 2571 – 2573 จะต้องมีการวิเคราะห์ สำรวจ และออกแบบให้มีความชัดเจนก่อนบรรจุลงในแผนต่อไป” ดร.สุรสีห์ กล่าว
    เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยต่อว่า นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการดำเนินงานตามแผนงานตาม พ.ร.บ. งบประมาณปี 68 เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 68 โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. การบรรเทาอุทกภัย เช่น แก้มลิง แหล่งน้ำธรรมชาติ ป้องกันการกัดเซาะ ระบบระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำ ฯลฯ 2. การป้องกันดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงสูง เช่น ฟื้นฟูป่าไม้ ลดการชะล้าง พังทลายของหน้าดิน ฝายต้นน้ำ ฯลฯ และ 3. การเพิ่มประสิทธิภาพระบบเตือนภัย (น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม) เช่น งานศึกษา วิจัย นวัตกรรม ระบบ IT ฯลฯ รวมจำนวน 213 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จคาดว่าจะมีพื้นที่ได้รับการป้องกัน 7,036 ไร่ 4,844 ครัวเรือน ประมาณการมูลค่าความเสียหายจากอุทกภัยเบื้องต้นลดลง 1,050 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งจะมีการดำเนินงานตามแผนงานระยะเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการได้ภายใน 1 ปี แผนงานระยะกลาง และแผนงานระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืน
    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
    1 ธันวาคม 2567

    ictwebadminonwr1

    2 ธันวาคม 2024
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงปัญหาอุทกภัยจังหวัดเชียงใหม่

    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงปัญหาอุทกภัยจังหวัดเชียงใหม่

    สั่งเร่งขุดลอกเพิ่มความจุลำน้ำปิงและปรับปรุงฝายเดิมในลำน้ำ เตรียมรับมือฤดูฝนปีหน้า

    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามเร่งรัดขุดลอกลำน้ำปิงบริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ เพิ่มความจุเตรียมรับปริมาณน้ำให้ทันฤดูฝนปีหน้า พร้อมให้เร่งปรับปรุงฝายที่สร้างไว้เดิมในลำน้ำ จำนวน 3 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ป้องกันอุทกภัยให้ชาวเชียงใหม่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
    วันนี้ (30 พ.ย. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้ติดตามแนวทางการขุดลอกลำน้ำปิง ณ สะพานนวรัฐ ถนนเจริญเมือง ตำบลช้างม่อย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ก่อนเดินทางไปติดตามแนวทางการปรับปรุงฝายท่าศาลา (พญาคำ) ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตามลำดับ
    รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงฤดูฝนปีนี้ พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณฝนตกหนักมากบริเวณต้นน้ำของลำน้ำปิง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบกับการบุกรุกลำน้ำ การเปลี่ยนแปลงของสภาพลำน้ำและสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมถึงการขยายตัวของพื้นที่ชุมชนเมืองโดยไม่คำนึงถึงเส้นทางน้ำ ส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่ประสบอุทกภัยถึง 3 ครั้ง ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุครั้งแรกและครั้งล่าสุด บริเวณสถานี P.1 (สะพานนวรัฐ) มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.60 เมตร อีกทั้งในครั้งล่าสุด ปริมาณน้ำในลำน้ำปิงบริเวณตัวเมืองเชียงใหม่มีมากถึง 656 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ในขณะที่ลำน้ำปิงสามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียง 400 ลบ.ม. ต่อวินาที จึงทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ พื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัย ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ในวันนี้จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามและเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมาย โดยปัจจุบันกรมเจ้าท่าได้ดำเนินการด้านวิศวกรรมในการสำรวจลำน้ำปิงเรียบร้อยแล้ว และให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเร่งดำเนินการขุดลอกลำน้ำปิงต่อไป ในส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ให้อำนวยความสะดวกในการหาจุดขึ้นดินและสถานที่ทิ้งดิน ซึ่งเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. 68 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับฤดูฝนที่จะมาถึงในปีถัดไป
    นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการสำรวจทางด้านวิศวกรรม เพื่อปรับปรุงฝายเดิมที่เป็นฝายหินทิ้งในลำน้ำปิง จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ฝายท่าศาลา (ฝายพญาคำ) ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล ให้สามารถระบายน้ำได้เต็มประสิทธิภาพ และในระยะกลาง ให้ดำเนินการปรับปรุงพนังป้องกันตลิ่งด้านท้ายน้ำฝั่งซ้ายของประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง (ประตูระบายน้ำท่าวังตาล) เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วมเขตชุมชน โดยให้กรมเจ้าท่าพิจารณาอำนวยความสะดวกในการดำเนินการปรับปรุงฝาย รวมทั้งให้จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกรมชลประทานและกรมเจ้าท่า สร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับประชาชนโดยรอบบริเวณฝาย เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการบริหารจัดการฝาย โดยได้เน้นย้ำเรื่องการมีส่วนร่วมของภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ในขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
    ด้าน เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันลำน้ำปิงประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพทางน้ำและสภาพการใช้ที่ดิน ทำให้พฤติกรรมการไหลของน้ำเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งในขนาดของพื้นที่น้ำท่วม ระดับความลึกของน้ำท่วม และลำดับการเข้าท่วมก่อน – หลัง แตกต่างจากอดีตที่เคยทำสถิติไว้ จึงต้องดำเนินการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยขุดลอกลำน้ำปิงบริเวณตัวเมืองเป็นลำดับแรก และในระยะหลังจากนี้จะดำเนินการขุดลอกบริเวณตอนบนและตอนล่างของลำน้ำปิงต่อไป ในส่วนของฝายหินทิ้งในลำน้ำปิง 3 แห่ง ที่ได้มีการก่อสร้างตั้งแต่ราว พ.ศ. 1800 – 1839 เพื่อส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร รวมประมาณ 20,300 ไร่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งปรับปรุงฝายไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการน้ำ โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนตามที่รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ รวมถึงดำเนินการตามข้อสั่งการที่ได้รับอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้ชาวเชียงใหม่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
    30 พฤศจิกายน 2567

    ictwebadminonwr1

    2 ธันวาคม 2024
    Uncategorized, ข่าวสารประชาสัมพันธ์
Previous Page
1 2 3 4 5 … 53
Next Page

©2024 All rights reserved.

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 2

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 3

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 4

  • Facebook
  • YouTube
  • X