นายกฯ มุ่งบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้ชาวอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
รุดติดตามการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ระยะเร่งด่วน ให้แล้วเสร็จก่อนเข้าสู่ฤดูฝนปี 68
นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกฯ ประเสริฐ ลงพื้นที่ติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ณ จังหวัดเชียงราย แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานในระยะเร่งด่วน เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ให้ทันก่อนเข้าสู่ฤดูฝนปี 68 มุ่งบรรเทาอุทกภัย ลดผลกระทบทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวอำเภอแม่สายให้ได้มากที่สุด
วันนี้ (1 ธ.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามแผนการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ณ ริมแม่น้ำสาย ตลาดสายลมจอย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ในวันนี้นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายและเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศไทย – เมียนมา เนื่องจากความตื้นเขินของแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลง ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันในช่วงที่ฝนตกหนัก จึงถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดอุทกภัย ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีสถานการณ์ฝนตกหนักมากในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย – รวก ส่งผลให้เกิดน้ำหลากในแม่น้ำสาย มีน้ำหลากและโคลนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญบริเวณด่านการค้าชายแดนแม่สาย เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าว คณะทำงานเร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย จึงได้มีแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหาแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก ในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่ระยะเร่งด่วน 1 ปี ระยะกลาง 1 – 3 ปี และระยะยาว 3 – 5 ปี สำหรับแผนในระยะเร่งด่วน ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในแม่น้ำ ประกอบด้วย ขุดลอกแม่น้ำ รื้อถอนสิ่งกีดขวางทางน้ำ และสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว/กึ่งถาวร รวมระยะทางแม่น้ำสาย 14.15 กิโลเมตร และแม่น้ำรวก 31.19 กิโลเมตร มีกองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยกำหนดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จทันฤดูฝนปี 2568
“แม่น้ำสายและแม่น้ำรวกเป็นแม่น้ำที่มีความคดเคี้ยว ส่งผลต่อการเอ่อล้นข้ามระดับตลิ่ง รวมทั้งเป็นลำน้ำระหว่างประเทศที่ต้องอาศัยการเจรจาร่วมกันในคณะกรรมการร่วมไทย – เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย – แม่น้ำรวก (JCR) โดยปัจจุบัน กองทัพบกได้สำรวจแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกแล้วเสร็จ และจะมีการเสนอแผนงานการขุดลอกและกลไกการขับเคลื่อน ในการประชุม JCR ครั้งที่ 4/2567 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 19 – 20 ธ.ค. 67 ก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ โดยจะดำเนินงานให้เสร็จสิ้นตามแผนก่อนเดือน พ.ค. 68 เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปีหน้า ลดผลกระทบต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของชาวอำเภอแม่สายให้ได้มากที่สุด สำหรับแผนระยะกลาง ได้แก่ โครงสร้างป้องกันน้ำท่วมและป้องกันตลิ่งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ และโครงการขุดคลองผันน้ำ ซึ่งมีแผนการดำเนินงานในช่วงปี 2570 – 2572 และแผนระยะยาว ได้แก่ โครงการจัดการพื้นที่รับน้ำชั่วคราว (แก้มลิง) ซึ่งมีแผนการดำเนินงานช่วงปี 2571 – 2573 จะต้องมีการวิเคราะห์ สำรวจ และออกแบบให้มีความชัดเจนก่อนบรรจุลงในแผนต่อไป” ดร.สุรสีห์ กล่าว
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยต่อว่า นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการดำเนินงานตามแผนงานตาม พ.ร.บ. งบประมาณปี 68 เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 68 โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. การบรรเทาอุทกภัย เช่น แก้มลิง แหล่งน้ำธรรมชาติ ป้องกันการกัดเซาะ ระบบระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำ ฯลฯ 2. การป้องกันดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงสูง เช่น ฟื้นฟูป่าไม้ ลดการชะล้าง พังทลายของหน้าดิน ฝายต้นน้ำ ฯลฯ และ 3. การเพิ่มประสิทธิภาพระบบเตือนภัย (น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม) เช่น งานศึกษา วิจัย นวัตกรรม ระบบ IT ฯลฯ รวมจำนวน 213 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จคาดว่าจะมีพื้นที่ได้รับการป้องกัน 7,036 ไร่ 4,844 ครัวเรือน ประมาณการมูลค่าความเสียหายจากอุทกภัยเบื้องต้นลดลง 1,050 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งจะมีการดำเนินงานตามแผนงานระยะเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการได้ภายใน 1 ปี แผนงานระยะกลาง และแผนงานระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืน
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
1 ธันวาคม 2567