-
เช้านี้”แม่น้ำวัง” ลำปาง ลดลง เฝ้าระวังรอรับพายุวันนี้!
“ลำปาง” ระดับน้ำในแม่น้ำวังที่เอ่อท่วมชุมชนริมตลิ่งแม่น้ำวัง ในเขตเทศบาลนครลำปาง ระดับน้ำลดลงกว่าตลิ่งลงไปแล้วกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ขณะที่บริเวณฝายน้ำล้นบ้านม่วงแงว ที่กั้นน้ำแม่ตุ๋ยจุดท้าย ก่อนจะไหลลงแม่น้ำวัง
วันนี้ (19 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์แม่น้ำวัง ในเขตตัวเมืองลำปาง เมื่อเช้านี้ว่า หลังจากที่ระดับน้ำแม่ตุ๋ย ไหลหลากในพื้นที่ อ.เมืองปาน อ.เมืองลำปาง ส่งผลกระทบไปทั่วในหลายหมู่บ้าน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา
และจนเช้าวันนี้ ที่บริเวณฝายน้ำล้นบ้านม่วงแงว หมู่ 14 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นฝายกั้นน้ำแม่ตุ๋ย จุดสุดท้ายก่อนที่จะไหลลงสมทบแม่น้ำวัง ที่ปากน้ำบ้านทับหมาก หมู่ 8 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง พบว่า ที่ประตูระบายน้ำมีเศษสวะกิ่งไม้ กองทับถมที่ประตูระบายน้ำจำนวนมาก
ส่วนสถานการณ์น้ำวัง เอ่อท่วมชุมชนริมตลิ่งแม่น้ำวังในเขตเทศบาลนครลำปาง เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับผลกระทบไปหลายจุด ล่าสุดเช้าวันนี้ เวลา 05.00 น.พบว่า ระดับน้ำในแม่น้ำวังลดลงอย่างต่อเนื่อง ต่ำกว่าตลิ่งแล้ว ทำให้พื้นที่ที่ที่ถูกน้ำเอ่อท่วมขังกลับเข้าสู่สภาวะปกติเช่นกัน ไม่แตกต่างจากชุมชนต่าง ๆ ที่ถูกน้ำเอ่อท่วม ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วหลังระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก Thai PBS
-
ประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ฉบับที่ 6 (94/2567)
เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (19 ก.ย. 67) พายุโอน “ซูลิก” ได้เคลื่อนที่ขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกวางตรี ประเทศเวียดนาม
แล้ว โดยมีศูนย์กลางห่างไปทางทิศตะวันออกของจังหวัดนครพนม ประมาณ 250 กิโลเมตร หรืออยู่ที่ละติจุด 16.9.9 องศาเหนือลองจิจูด 107.1 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรตชั่วโมง พาญนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุตีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศาศสำกำลังแรงตามลำดับ ประกอบกับร่องมรสมกำลังค่อนข้างแรงแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และมีลมแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ขึงอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้
วันที่ 20 กันยายน 2567 : น่าน แพร่ พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร สุโขทัขทัย
วันที่ 21-22 กันยายน 2567 : แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก
เพชรบูรณ์ พิจิตร สุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร
วันที่ 23 กันยายน 2567 : แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร สุโขทัย ตาก
และกำแพงเพชร
-
ประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 16/2567 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ในช่วงวันที่ 20 – 21 กันยายน 2567 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางและอ่อนกำลังลงตามลำดับ ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตามฝนคาดการณ์ จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 19 – 25 กันยายน 2567 ดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และบริเวณชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ
1.1 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย เชียงของ เชียงแสน เวียงแก่น ขุนตาล พญาเม็งราย เวียงชัย เทิง และแม่ลาว) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอแม่อาย ฝาง และเชียงดาว) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ปาย ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง และสบเมย) จังหวัดตาก (อำเภอเมืองตาก ท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และอุ้มผาง) จังหวัดลำปาง (อำเภอวังเหนือ และงาว) จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา แม่ใจ ภูซาง ปง เชียงคำ จุน และเชียงม่วน) จังหวัดน่าน (อำเภอเมืองน่าน เฉลิมพระเกียรติ ปัว ท่าวังผา เวียงสา ทุ่งช้าง เชียงกลาง บ่อเกลือ สองแคว และภูเพียง) จังหวัดแพร่ (อำเภอเมืองแพร่ เด่นชัย สอง ลอง และวังชิ้น) จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ลับแล พิชัย ทองแสนขัน และท่าปลา) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอชาติตระการ นครไทย วังทอง และเนินมะปราง) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มเก่า และหล่มสัก)
1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย (อำเภอนาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย และปากชม) จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย และโพธิ์ตาก) จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ ปากคาด บุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา และบึงโขงหลง) จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเพ็ญ บ้านดุง และหนองหาน) จังหวัดสกลนคร (อำเภออากาศอำนวย สว่างแดนดิน คำตากล้า และพรรณานิคม) จังหวัดนครพนม (อำเภอเมืองนครพนม บ้านแพง ศรีสงคราม ท่าอุเทน นาหว้า โพนสวรรค์ ปลาปาก และธาตุพนม) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเมืองชัยภูมิ บ้านเขว้า จัตุรัส และคอนสวรรค์) จังหวัดขอนแก่น (อำเภอเมืองขอนแก่น) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอเมืองนครราชสีมา เมืองยาง ลำทะเมนชัย และพิมาย) จังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และกมลาไสย) จังหวัดมุกดาหาร (อำเภอเมืองมุกดาหาร และนิคมคำสร้อย) จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอเมืองมหาสารคาม และโกสุมพิสัย) จังหวัดร้อยเอ็ด (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เสลภูมิ ทุ่งเขาหลวง และเกษตรวิสัย) จังหวัดยโสธร (อำเภอเมืองยโสธร ป่าติ้ว และคำเขื่อนแก้ว) จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ และหัวตะพาน) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอเมืองสุรินทร์ ชุมพลบุรี ท่าตูม รัตนบุรี จอมพระ สนม โนนนารายณ์ และศีขรภูมิ) จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอเมืองศรีสะเกษ ราษีไศล และยางชุมน้อย) และ จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ ตาลสุม น้ำยืน พิบูลมังสาหาร และน้ำขุ่น)
1.3 ภาคตะวันออก จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก ปากพลี และบ้านนา) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอเมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม นาดี และกบินทร์บุรี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว และอรัญประเทศ) จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี บางละมุง และศรีราชา) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี ขลุง ท่าใหม่ เขาคิชฌกูฏ และมะขาม) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง และเกาะกูด)
1.4 ภาคใต้ จังหวัดชุมพร (อำเภอท่าแซะ และสวี) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ) จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง และท้ายเหมือง) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี คีรีรัฐนิคม พุนพิน พระแสง และเวียงสระ) จังหวัดกระบี่ (อำเภอเขาพนม) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เชียรใหญ่ ลานสกา ถ้ำพรรณรา และทุ่งใหญ่) จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง สิเกา ย่านตาขาว กันตัง ห้วยยอด รัษฎา และวังวิเศษ) จังหวัดพัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ปากพะยูน กงหรา ศรีนครินทร์ และควนขนุน) จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า และมะนัง)
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง น่าน พะเยา แพร่ สุโขทัย ตาก อุทัยธานี เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครพนม มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ตรัง และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก
3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำสาย (อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย) แม่น้ำกก (อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงราย และเชียงแสน จังหวัดเชียงราย) แม่น้ำอิง (อำเภอเมืองพะเยา
จังหวัดพะเยา) แม่น้ำยม (อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก) แม่น้ำป่าสัก (อำเภอหนองไผ่ และวิเชียรบุรี) แม่น้ำเลย (อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย) ห้วยหลวง (จังหวัดอุดรธานี) แม่น้ำสงคราม (จังหวัดอุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ และนครพนม) แม่น้ำจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี และมะขาม จังหวัดจันทบุรี) แม่น้ำตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง และบ่อไร่ จังหวัดตราด)
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และ ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและพนังกั้นน้ำ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ อาคารชลศาสตร์ให้พร้อมใช้งาน
2. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
ประกาศ ณ วันที่ 17 กันยายน 2567