วันที่ 28 – 30 พฤษภาคม 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ สทนช.1 ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ตามมาตรการที่ 3 เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ อาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ โทรมาตรบุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยง ให้สามารถรองรับสถานการณ์ในช่วงน้ำหลากและฝนทิ้งช่วง มาตรการที่ 4 ตรวจสอบพร้อมติดตามความมั่นคงปลอดภัย คันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้นน้ำ และมาตรการ ที่ 5 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำอย่างเป็นระบบ ในพื้นที่ลุ่มน้ำยม จังหวัดสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอศรีสำโรง อำเภอศรีสัชนาลัย และอำเภอสวรรคโลก รวมจำนวน 13 แห่ง ร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำยมผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัย โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงคันกั้นน้ำที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2567 ซึ่งปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมคันกั้นน้ำชั่วคราวด้วยการบดอัด ถมคันดินและเสริมไม้ยูคา สภาพปัจจุบันพร้อมใช้งาน (ชั่วคราว) แต่มีบางจุดที่ชำรุดเสียหาย เนื่องจากมีปริมาณฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ โดยท้องถิ่นได้จัดเตรียมงบประมาณซ่อมแซมไว้ในช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม ซึ่งจะมีปริมาณฝนลดลง ในการนี้ สทนช.1 ได้ติดตามความก้าวหน้าการซ่อมแซมตลิ่งป้องกันน้ำท่วม และพนังกั้นน้ำ ดังนี้

1. ตลิ่งแม่น้ำยม หมู่ 6 และสะพานศิริปัญญารัต (วัดวังใหญ่) ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เดิมเกิดการ กัดเซาะของน้ำ ทำให้ดินสไลด์ แนวตลิ่งพัง และน้ำท่วมพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ปัจจุบันจังหวัดได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งชั่วคราวริมแม่น้ำยม หน่วยดำเนินการอำเภอศรีสำโรงควบคุมงานร่วมกับสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุโขทัย ปัจจุบันผู้รับจ้างอยู่ระหว่างรอระดับน้ำในแม่น้ำยมลดลง โดยควบคุมปริมาณน้ำแม่น้ำยมผ่านจุดดังกล่าวไม่เกิน 200 ลบ.ม./วินาที ที่สถานี Y.33 อ.ศรีสำโรง ระดับน้ำไม่เกิน 5 เมตร ที่ผู้รับจ้างจะสามารถเข้าดำเนินงานได้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน กรกฎาคม 2568

2. ตลิ่งแม่น้ำยม หมู่ 6 ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เดิมเกิดการกัดเซาะของน้ำทำให้ตลิ่งริมแม่น้ำยมได้รับความเสียหาย โดยองค์การบริหารส่วนตําบลคลองกระจง ได้ดำเนินการโดยการถมคันดินและเสริมไม้ยูคา ทำตลิ่งชั่วคราว โดยงบประมาณของท้องถิ่น และในปีงบประมาณ 2569 มีแผนการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำยม บริเวณหมู่ที่ 6 ความยาว ไม่น้อยกว่า 750 เมตร หน่วยดำเนินการกรมโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุโขทัย

3. คลองยม-น่าน หมู่ที่ 7 ต.ในเมือง และหมู่ที่ 5, 8, 11 ต.คลองยาง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ปัจจุบันกรมชลประทานได้ดำเนินงานโครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จังหวัดสุโขทัย ความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน 51% โดยในปี 2568 สามารถรองรับน้ำได้ 200 ลบ.ม./วินาที และเมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จในปี 2570 จะเพิ่มศักยภาพการรับน้ำ ของคลองหกบาทจากเดิมอัตรา 250 ลบ.ม./วินาที เป็น 500 ลบ.ม./วินาที

ในการนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 และกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำยม ได้บูรณาการข้อมูลจุดเสี่ยง และคันกั้นน้ำที่ชำรุดและอยู่ระหว่างรอปรับปรุงซ่อมแซม ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย เพื่อจัดทำแผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหา และติดตามความก้าวหน้าของโครงการพร้อมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยมอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2568) เวลา 08.30 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ครั้งที่ 1/2568 เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง โดยมี นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เข้าร่วมประชุม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมมลพิษ กรมอนามัย กรมทรัพยากรน้ำ การประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 อาคารศาลากลางจังหวัดเชียงราย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นคณะได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามคุณภาพน้ำ ณ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย (สถานีผลิตน้ำวังคำ) และติดตามสถานการณ์น้ำและคุณภาพน้ำบริเวณฝายเชียงราย ตามลำดับ

สำหรับผลการประชุมดังล่าว รองนายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงอย่างเร่งด่วน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งที่ประชุมได้กำหนดมาตรการสำคัญ ทั้งการเฝ้าระวัง มาตรการเชิงรุก และแผนการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในด้านมาตรการเฝ้าระวัง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำดิบ น้ำประปา ตะกอนดิน สัตว์น้ำ สัตว์หน้าดิน รวมถึงตรวจระดับสารพิษในร่างกายของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงให้มีการตรวจสอบผลผลิตทางการเกษตรเพื่อแจ้งเตือนให้ผู้บริโภคทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมติดตั้ง CCTV เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ และแจ้งเตือนประชาชนเมื่อมีความขุ่นเกินมาตรฐาน ขอความร่วมมือประชาชนงดกิจกรรมทางน้ำที่สัมผัสน้ำโดยตรง ที่สำคัญที่ประชุมยังได้มีมติจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวขึ้น โดยมอบหมายนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าศูนย์ เพื่อประสานงานกันระหว่างจังหวัดและส่วนกลาง ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างทันท่วงที ทั้งในด้านการเฝ้าระวัง การให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ และการทำการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ทราบข่าวที่ถูกต้องแม่นยำ

สำหรับมาตรการเชิงรุก ให้มีการศึกษาการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกก ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ขณะที่แผนการเจรจาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศเมียนมา แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้มีการเจรจาแก้ปัญหาในหลายระดับมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งความร่วมมือตามแนวชายแดน กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง กรอบความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และเวทีอื่นๆ ซึ่งก็ยังมีความจำเป็นต้องมีการเจรจาในระดับรัฐบาลเพื่อให้การแก้ไขปัญหาในแม่น้ำระหว่างประเทศเกิดความยั่งยืน โดยที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้าในการเดินทางไปเพื่อให้มีการร่วมตรวจสอบและพิจารณาแนวทางในการแก้ปัญหา รวมถึงให้ความรู้ด้านการทำเหมืองแร่ที่ถูกต้องและการให้ความรู้ด้านสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่เมียนมาด้วย

แจ้งเตือนสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค1 ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ภาคเหนือ วันที่ 23 พฤษภาคม 2568

(ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์จาก ดัชนีความชุมชื้นของดิน (API) และฝนคาดการณ์ล่วงหน้าจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) โดยมีพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ตามจังหวัด และอำเภอ ดังต่อไปนี้

จังหวัดเชียงราย ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย / ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น

จังหวัดเชียงใหม่ ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย / ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง

จังหวัดน่าน ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน / ตำบลยอด อำเภอสองแคว / ตำบลพญาแก้ว ตำบลพระธาตุ อำเภอเชียงกลาง / ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ / ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา

จังหวัดตาก ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด

จังหวัดพะเยา ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง

จังหวัดสุโขทัย ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย

จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลไร่อ้อย อำเภอพิชัย / ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลแม่พูน ตำบลหัวดง อำเภอลับแล

จังหวัดแพร่ ตำบลแม่ป๊าก อำเภอวังชิ้น / ตำบลห้วยโรง อำเภอร้องกวาง

จังหวัดลำปาง ตำบลบ้านกิ่ว อำเภอแม่ทะ / ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ

จังหวัดพิษณุโลก ตำบลน้ำกุ่ม อำเภอนครไทย

.

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว ได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์ฝน และน้ำหลาก จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผอ.สทนช.1 พร้อมด้วยนายธีระ วงศ์ใหญ่ ผวบ.นภ.1 นางสาวธัญญารัตน์ เอี่ยมปลัด ผนผ.นภ.1 และนายพิทักษ์ ดวงพรม ปฏิบัติหน้าที่ ผปน.โขงเหนือ ร่วมลงพื้นที่กับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการฯ ในการศึกษาดูงาน เรื่อง ปัญหาผลกระทบกรณีสารหนูปนเปื้อนบริเวณแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ตามแนวชายแดน จังหวัดเชียงราย ณ แม่น้ำกกบริเวณปางช้างบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่

การลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการฯ เป็นการรับฟังปัญหาของประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ใกล้แม่น้ำกก ทั้งจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบจากคุณภาพน้ำแม่กก ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ ตรวจพบสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกก โดยเฉพาะสารหนู (As) เกินค่ามาตรฐานระหว่าง 0.011 – 0.013 มก./ลิตร โดย สทนช.1 ได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกกรอบความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างประเทศ (MRCs /MLC) และการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของน้ำประปาที่ใช้น้ำดิบในการผลิตจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดย กปภ. ยืนยันในมาตรฐานการควบคุมการผลิตน้ำประปาที่สามารถกำจัดสารโลหะหนัก ทำให้น้ำประปามีความสะอาดและปลอดภัย ประชาชนสามารถใช้น้ำประปาอุปโภคบริโภคได้ตามปกติ

วันที่ 25 เมษายน 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผอ.สทนช.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สทนช.1 และกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำโขงเหนือ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลคุณภาพน้ำในการผลิตน้ำประปาของ กปภ.สาขาเชียงรายและ กปภ.สาขาแม่สาย จ.เชียงราย โดยมีผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่

ในการลงพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการรับฟังข้อมูลคุณภาพน้ำดิบที่นำมาใช้ในการผลิตน้ำประปา จากแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย มีค่าสารปนเปื้อนโลหะหนัก (สารหนู) อยู่ระหว่าง 0.011-0.014 มล./ลิตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่ 0.010 มล./ลิตร โดยเมื่อผ่านกระบวนการระบบผลิตน้ำประปาตามมาตรฐานของ กปภ. สามารถทำให้ค่าสารปนเปื้อนโลหะหนัก (สารหนู) ลดลงต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ 0.0018 มล./ลิตร น้ำประปาจึงมีความปลอดภัย สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ตามปกติ นอกจากนี้ กปภ. ได้มีการตรวจวัดคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอและมีแผนการดำเนินการรองรับหากเกิดสถานการณ์ปัญหาคุณภาพน้ำดิบในอนาคต เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้น้ำประปาจาก กปภ.

ทั้งนี้ สทนช.1 ได้ลงพื้นที่ศึกษากระบวนการผลิตน้ำประปาตามมาตรฐานความปลอดภัยของ กปภ. และจะดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ตามช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รับทราบและมีความมั่นใจในคุณภาพน้ำประปาต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผอ.สทนช.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สทนช.1 และกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำโขงเหนือ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว และการขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ และประชาชนในพื้นที่ร่วมลงพื้นที่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการ ดังนี้

จุดที่ 1 งานสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 ท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ความยาวรวม 1.779 กม. ดำเนินการโดย กรมการทหารช่าง กองทัพบก เริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ความก้าวหน้าปัจจุบัน 3.09% (มากกว่าแผน 1.65%)

.

จุดที่ 2 งานขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะทางรวม 14 กม. ดำเนินการโดยกองทัพภาคที่ 3

(จุด STA 12+800 ถึง 26+800) จะเริ่มดำเนินการภายในสิ้นเดือนเมษายน 2568

.

จุดที่ 3 งานขุดลอกแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ฐานปฏิบัติการ

บ้านวังลาว ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ระยะทางรวม 18 กม. ดำเนินการโดยกรมการทหารช่าง (จุด STA 26+800 ถึง 44+800)

เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ความก้าวหน้าปัจจุบัน 1.73% (มากกว่าแผน 0.98%)

.

การดำเนินการแผนงานโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในลำน้ำแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก และแก้ไขปัญหาน้ำหลากล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจของ อ.แม่สาย

โดยในการลงพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการรับฟังความเห็น/ข้อเสนอแนะของประชาชนเพื่อพิจารณาประกอบการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 และกรมการทหารช่าง กองทัพบก มีแผนการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เพื่อให้ทันช่วงฤดูฝนและน้ำหลาก

วันที่ 22 มีนาคม 2568 ไทย-จีนหารือทวิภาคี กระชับความร่วมมือบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน

เน้นย้ำ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน สทนช. ต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำจีน หารือทวิภาคีร่วมบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน มุ่งปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ชุมชนบริเวณแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก พร้อมรับปรับตัวต่อปัญหาด้านน้ำและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือทวิภาคี ร่วมกับ นายหลี่ กั๋วอิง (Mr. Li Guoying) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการน้ำระหว่างประเทศ เยี่ยมชมสภาพลำน้ำแม่น้ำโขง และสถานีตรวจวัดระดับน้ำแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ในการนี้ นางพัชรวีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการ สทนช. และคณะเจ้าหน้าที่ สทนช. ร่วมให้การต้อนรับ โดยเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า การเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งในการกระชับความสัมพันธ์ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างไทยและจีน ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยในระดับทวิภาคี กระทรวงทรัพยากรน้ำสาธารณรัฐประชาชนจีน มีบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางวิชาการด้านทรัพยากรน้ำและการชลประทาน กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และบันทึกความเข้าใจสาขาทรัพยากรน้ำ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ซึ่งได้หารือความเป็นไปได้ของการทำ MOU ระหว่าง สทนช. และกระทรวงทรัพยากรน้ำสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย และในระดับพหุภาคี มีความร่วมมือภายใต้กลไกคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำ กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC) ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เปิดรับข้อเสนอโครงการจากหน่วยงานไทย เพื่อรับการสนับสนุนจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Special Fund) เป็นประจำทุกปี ที่ผ่านมา สทนช.ได้ดำเนินโครงการวิจัยร่วมเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ด้านอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำสาย-น้ำรวก ระหว่างไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2561 แต่จากการแพร่ระบาดของของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามประเทศ ทำให้ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ตามแผน

โดยในปี 2567 สทนช. ได้จัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมืองต่อภาวะอุทกภัย ภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Strengthening Urban Community Resilience against Flashflood under Changing Climate and Extreme Events in Sai and Ruak Transboundary River between Thailand and Myanmar) และขอรับสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2568 โดยปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอโครงการของไทย

เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า การเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการเน้นย้ำในความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่ดำเนินมายาวนานถึง 50 ปี และเป็นโอกาสที่ดียิ่งของไทยในการหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง และสาขาลุ่มน้ำสาย-น้ำรวก รวมทั้งนำเสนอแนวทางการดำเนินงานและเสริมสร้างความร่วมมือดังกล่าว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการแจ้งเตือนอุทกภัยล่วงหน้าและระบบการสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน รวมถึงเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับรู้และปรับตัวให้กับประชาชนและชุมชนโดยรอบ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยและปัญหาด้านน้ำในมิติต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ป้องกันและบรรเทาผลกระทบรวมถึงลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” เลขาธิการ สทนช. กล่าว

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

22 มีนาคม 2568

วันที่ 1 มีนาคม 2568 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มอบหมายให้ นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่ ตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ดร.พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้ข้อเสนอแนะ โดยในช่วงเช้าประชุมรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แก่เหมือง แก่ฝาย ผู้นำชุมชน และ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลป่าสัก

พื้นที่ ตำบลป่าสัก ประสบปัญหาอุทกภัยช่วงฤดูฝน และขาดแคลนน้ำช่วงฤดูแล้ง โดยขอรับข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการ ดังนี้

1. การปรับปรุงฝายแม่น้ำคำใหม่ (โครงการถ่ายโอนของกรมทรัพยากรน้ำ) โดยขอให้ติดตั้งประตูน้ำเพื่อยกระดับสันฝาย 1.70 เมตร ให้สามารถเก็บกักน้ำช่วงฤดูแล้งได้มากขึ้น และเปิดระบายน้ำช่วงฤดูฝน เพื่อลดผลกระทบน้ำท่วม

2. โครงการก่อสร้างฝายดอยจำปี กั้นน้ำแม่จัน เนื่องจากมีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี ทำให้การเก็บกักน้ำและการระบายน้ำไม่สามารถใช้การได้ปกติ

3. โครงการก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน บ้านป่าสักน้อยหมู่ 3 ตำบลป่าสัก ยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ

4. โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งและป้องกันน้ำท่วมแม่น้ำจัน หมู่ 3,4,5,12,13 ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอุทกภัย ปี 2567 โดยผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง ขอให้ อบต.ป่าสักเร่งแจ้ง สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองเชียงราย เพื่อลงพื้นที่สำรวจความเหมาะสมตามปฏิทินการทำงานของหน่วยงาน

5. การปรับปรุงระบบกระจายน้ำหนองบัวหลวง (โครงการถ่ายโอนของกรมทรัพยากรน้ำ) จากระบบไฟฟ้า เป็นพลังงานแสงอาทิตย์

ผอ.สทนช.1 ได้ให้ข้อเสนอแนะ แนวทางการเตรียมความพร้อมโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโครงการที่เกินศักยภาพของ อบต. และแนวทางขอรับการสนับสนุนงบประมาณผ่านโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2568 และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้งปี 2568/2569 ในระบบ Thai Water Plan ซึ่งจะปิดรับการเสนอแผนงานโครงการภายในวันที่ 7 มีนาคม 2568 ทั้งนี้ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ดร.พิเชฐ เชื้อเมืองพานได้สั่งการให้ อบต.ป่าสัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเตรียมความพร้อมเสนอแผนงานโครงการในระบบ ให้ทันตามห้วงเวลาที่กำหนด รวมถึงติดตามหน่วยดำเนินการ สำหรับโครงการที่เกินศักยภาพของ อบต. เพื่อให้หน่วยงานสามารถดำเนินการตามกรอบระยะเวลา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป

.

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 นายสมชาย วงศ์จริยะเกษม นายอำเภอภูซาง เป็นประธานการประชุมติดตามพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ปี 2567/2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ ณ ห้องประชุม อบต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา โดยนายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผอ.สทนช.1 พร้อมด้วยนายธีระ วงศ์ใหญ่ ผวบ.นภ.1 นางสาวธัญญารัตนน์เอี่ยมปลัด ผนผ.นภ.1 นายพิทักษ์ ดวงพรม ปฏิบัติหน้าที่ ผปน.โขงเหนือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่

ตำบลภูซาง เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ สทนช. ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ รวมทั้ง 4 ตำบลข้างเคียง (ต.สบบง, ต.เชียงแรง, ต.ทุ่งกล้วย และ ต.ป่าสัก)โดยที่ผ่านมาทั้ง 5 ตำบล ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยเฉพาะปัญหาการขาดระบบประปาที่มีประสิทธิภาพและแหล่งกักเก็บน้ำดิบ ซึ่ง อปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยการจัดหารถบรรทุกน้ำแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่เพื่อบรรเทาปัญหาในเบื้องต้น รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการเสนอของบประมาณในการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ทั้งนี้ ในปัจจุบันสถานการณ์ภัยแล้งยังไม่ส่งผลกระทบรุนแรงกับพื้นที่ โดยฝ่ายปกครอง และ อปท. ในพื้นที่ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งได้ดี

จากการลงพื้นที่ ต.ภูซาง เพื่อรับฟังปัญหาการขาดแคลนน้ำ อปท. และประชาชนในพื้นที่มีความต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณและความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำ ได้แก่ 1) โครงการขุดลอกลำน้ำเปื๋อย (ห้วยทุ่งพะยอม) หมู่ 10 บ้านธาตุภูซาง 2) โครงการขุดลอกหนองจิระ และระบบกระจายน้ำ หมู่ 10 บ้านห้วยไฟวัฒนา และการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปา2 แห่ง ได้แก่ 1) โครงการระบบกรองน้ำประปา หมู่ 11  บ้านทุ่งกระเทียม 2) โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปา พลังงานแสงอาทิตย์หมู่ 1 บ้านสถาน

.

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 9 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาแพร่ โครงการชลประทานน่าน สถานีพัฒนาที่ดินน่าน สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดน่าน อำเภอภูเพียง อำเภอสันติสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และกรรมการลุ่มน้ำน่าน ร่วมประชุมเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ตาม 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/68 ของลุ่มน้ำน่าน พื้นที่อำเภอสันติสุข อำเภอภูเพียง และอำเภอเมือง จังหวัดน่าน

 วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objective/Goals)

   1. เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 จากการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการอุปโภค-บริโภค และน้ำด้านการเกษตร

   2. เพื่อรับทราบปัญหาและร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางเตรียมความพร้อมในการยับยั้งป้องกันในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่

สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)

   – ตำบลดู่พงษ์ อำเภอสันติสุข น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค มีปัญหาขาดแคลนน้ำ เนื่องจากแหล่งน้ำดิบไม่เพียงพอ
ต่อการผลิดน้ำประปา ในพื้นที่ หมู่ที่ 4,5,6,7,8 และไม่มีฝายกักเก็บน้ำส่งผลให้ลำน้ำในพื้นที่แห้งขอด

   – ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค มีปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ หมู่ 2,3,4,5,6 เนื่องจาก
เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน ไม่มีระบบชลประทานในพื้นที่ ใช้แต่น้ำฝน และปัจจุบันน้ำต้นทุนมีน้อยทำให้
ไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาในชุมชนและบางพื้นที่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำซึ่งเมื่อปริมาณฝนน้อยจะทำให้น้ำ
ไม่เพียงพอต่อความต้องการ (มีปัญหาทุกปี) 

   – ตำบลบ่อ อำเภอเมือง ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ในพื้นที่หมู่ 1,2,3,6,7 มีแหล่งน้ำต้นทุนจากแม่น้ำน่าน มีแหล่งกักเก็บน้ำ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก จำนวน 8 แห่ง และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ในช่วงฤดูแล้ง
อ่างเก็บน้ำไม่สามารถกักเก็บได้มากเพียงพอต่อการทำการเกษตร

สรุปข้อหารือ (Conclusion)

   – ตำบลดู่พงษ์ อำเภอสันติสุข โดยในพื้นที่มีอ่างเก็บน้ำเดิมที่ไม่ได้รับการพัฒนา จึงมอบหมาย อบต. ประสาน
หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 ดำเนินการขุดลอกอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เพื่อรองรับน้ำไว้ใช้ในอนาคต

   – ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง เนื่องจากในพื้นที่มีอ่างเก็บน้ำเดิมที่สามารถใช้กับเก็บน้ำได้ จึงมอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 9 สำรวจและดำเนินการขุดลอกสระห้วยสะเกิ๋น หมู่ที่ 4 พร้อมระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และมอบหมาย อบต. ประสานสถานีพัฒนาที่ดินน่านในการสำรวจพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ

   – ตำบลบ่อ อำเภอเมือง เนื่องจากในพื้นที่เป็นเขตภูเขาจึงแนะนำให้ อบต. ประสานขอใช้พื้นที่อุทยานในพื้นที่
หมู่ที่ 7 ร่วมกับทำแผนเสนอโครงการเพื่อก่อสร้างถังพักน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านระบบ TWP โดยแผนการบรรเทาภัยแล้งระยะสั้นให้ดำเนินการซ่อมแซมระบบส่งน้ำเดิมและก่อสร้างฝายกระสอบชั่วคราวเพื่อลดการสูญเสียและชะลอน้ำ รวมทั้งติดตั้งถังกักเก็บน้ำเพิ่มเติมในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ระยะยาวให้ดำเนินการวางระบบส่งน้ำจากลำน้ำยาวมากักเก็บใส่ถังน้ำก่อนกระจายลงน้ำสู่ชุมชน และโครงการชลประทานน่านได้มีแผนงานโครงการสถานีสูบน้ำไฟฟ้าบ้านสาระสุขสันต์ หมู่ที่ 6 พร้อมระบบส่งน้ำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดโครงการ

     นอกจากนี้กรรมการลุ่มน้ำน่าน ได้มีข้อแนะนำในพื้นที่ ดังนี้

     1. น้ำบาดาลมีคุณภาพไม่ดี และระดับชั้นความเจาะลึก ควรหาแหล่งน้ำจากที่อื่นสำรองเพิ่มเติม

     2. ควรมีการกำหนดแผนงาน ในการดำเนินโครงการ เป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว

     3. ควรให้ความสำคัญกับองค์กรผู้ใช้น้ำ      4. แนะนำสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ เน้นหลักการ ชะลอ ดัก กัก เก็บ

.

.

.

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 นายอนันต์เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 และนายบรรจงขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สำนักงานทรัพยากรน้ำที่9 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่)สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน สถานีพัฒนาที่ดินน่าน โครงการชลประทานน่าน สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดน่าน อำเภอเวียงสาอำเภอเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และกรรมการลุ่มน้ำน่าน ร่วมประชุมเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งตาม 8 มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2567/68 พื้นที่อำเภอเวียงสา และอำเภอเมือง จังหวัดน่าน

วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Objective/Goals)

1. เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2567/2568 จากการประเมินสถานการณ์และคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ
ด้านการ อุปโภค-บริโภค ตลอดจนน้ำเพื่อการประกอบอาชีพ 

2. เพื่อรับทราบปัญหาและร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางเตรียมความพร้อมในการยับยั้งป้องกันในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่

สาระสำคัญจากการลงพื้นที่ (Key Issues)

   – ตำบลบ่อสวก อำเภอเมือง น้ำอุปโภค-บริโภคมีแหล่งน้ำดิบไม่เพียงพอในการผลิตน้ำประปา ระบบประปากระจายไม่ทั่วถึง และน้ำเพื่อการเกษตรมีการขาดแคลนน้ำทำนาปี เนื่องจาก
มีปริมาณน้ำฝนน้อย สระเก็บน้ำหรือโครงสร้างทางชลศาสตร์ไม่เพียงพอสำหรับกักเก็บน้ำ

   – ตำบลนาซาว อำเภอเมือง น้ำอุปโภค-บริโภค ไม่ได้คุณภาพ ทั้งระบบประปาผิวดินและประปาบาดาล เนื่องจากคุณภาพน้ำใต้ดินไม่ดี มีหินปูนและสนิมเหล็กเวลานำมาบริโภคทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ

   – ตำบลเรือง อำเภอเมือง ในพื้นที่ไม่มีแหล่งน้ำต้นทุนและอยู่ห่างจากแม่น้ำน่าน ด้านน้ำอุปโภคมีการซื้อน้ำใช้ บางหมู่บ้านประสบปัญหาขาดแคลนน้ำน้ำอุปโภคไม่เพียงพอ และจะวิกฤติในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 

   – ตำบลน้ำปั้ว อำเภอเวียงสา ในช่วงฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำแห้งขอด ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาผลิตเป็นน้ำประปาที่ใช้ในการอุปโภค-บริโภคได้ น้ำที่ใช้อุปโภค-บริโภคบางหมู่บ้านแหล่งน้ำดิบ
มีไม่เพียงพอในการผลิตน้ำประปา บางแห่งเป็นหินปูนและสนิมเหล็ก

   – ตำบลแม่สา อำเภอเวียงสา น้ำอุปโภค – บริโภคไม่เพียงพอในช่วงฤดูแล้ง น้ำต้นทุนมีน้อย ไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาในหมู่บ้าน ส่วนระบบประปาบาดาลปริมาณน้ำใต้ดินมีน้อย
ไม่เพียงพอ และน้ำทำการเกษตรไม่เพียงพอ

   – ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา น้ำอุปโภค -บริโภคไม่เพียงพอ บางพื้นที่ไม่มีแหล่งน้ำผิวดิน บางพื้นที่น้ำประปาบาดาลไม่สะอาด และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร เนื่องจากอยู่นอกเขตชลประทาน

   – ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา สภาพน้ำในลำน้ำแห้งขอดไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาผลิตเป็นน้ำประปาได้ และบ่อบาดาลที่ใช้ผลิตน้ำประปาใช้ในชุมชนปริมาณน้ำน้อย
ไม่พียงพอต่อการผลิตน้ำประปา บางแห่งเป็นหินปูนและสนิมเหล็ก

สรุปข้อหารือ (Conclusion)

   – ตำบลบ่อสวก อำเภอเมือง ได้มีการทำข้อตกลงกับกลุ่มผู้ใช้น้ำให้ใช้น้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม ไม่เพิ่มพื้นที่การผลิต และจัดสรรการใช้น้ำอุปโภค – บริโภค
เป็นช่วง ๆ เปิด-ปิดเป็นเวลา และนำน้ำจากต้นน้ำมาเสริมกับน้ำที่ใช้ในชุมชน รวมทั้งตรวจสอบคุณภาพน้ำของระบบประปาหมู่บ้าน โดยให้ อบต. จัดเตรียมแผนงานโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณผ่านระบบ TWP และให้โครงการชลประทานน่านสำรวจและศึกษาเพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยม่วง หมู่ที่ 12 เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้กับตำบลบ่อสวก
และตำบลข้างเคียง

   – ตำบลนาซาว อำเภอเมือง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำผ่านระบบ TWP

   – ตำบลเรือง อำเภอเมือง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อขุดลอกอ่างเก็บน้ำและสระน้ำในตำบล รวมถึงการปรับปรุงระบบประปาผ่านระบบ TWP

   – ตำบลน้ำปั้ว อำเภอเวียงสา ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อปรับปรุงระบบประปาและติดตั้งถังบรรจุน้ำเพิ่มเติมผ่านระบบ TWP และประสานขอใช้พื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากมีความต้องการจะดำเนินโครงการก่อสร้างแก้มลิงหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่บ้านน้ำปั้วหรือโครงการอื่น ๆ ของ อบต.

   – ตำบลแม่สา อำเภอเวียงสา ให้กรมชลประทานเร่งรัดการสำรวจออกแบบอ่างเก็บน้ำห้วยหลอดและเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาฝายสาตามที่ได้มีการประชาคมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ
โดยในระยะสั้นให้ทำการขุดลอก ระยะกลางปรับปรุงซ่อมแซม และระยะยาวขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่

   – ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างฝายกั้นน้ำและระบบประปา หมู่ที่ 4 ผ่านระบบ TWP

   – ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา ขอรับการสนับสนุนรถขุดเจาะบ่อบาดาลจาก อบจ.น่าน ในการเจาะเพิ่มความลึกของบ่อเพื่อให้ได้คุณภาพน้ำที่ดีขึ้น และให้โครงการชลประทานน่าน
เร่งรัดดำเนินการปรับปรุงฝายบง อ่างห้วยแก้ว ห้วยไหม้ และขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อปรับปรุงประตูเปิด-ปิดน้ำฝายวังเอน