-
ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (ปี พ.ศ. 2561 – 2580)
วิสัยทัศน์
ได้กำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี
(พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ไว้ ดังนี้ “ทุกหมู่บ้านมีน้ำสะอาดอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการผลิตมั่นคง ความเสียหายจากอุทกภัยลดลง คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาอย่างสมดุล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน”ด้านที่ ๑ การจัดการน้ำอุปโภค บริโภค มีเป้าประสงค์ในการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคให้แก่ชุมชน ครบทุกหมู่บ้านหรือทุกครัวเรือน ชุมชนเมือง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งการจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ซึ่งขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุน พัฒนาน้ำดื่มให้ได้มาตรฐาน ในราคาที่เหมาะสม และการประหยัดน้ำ โดยลดการใช้น้ำภาคครัวเรือน ภาคบริการ และภาคราชการ
ด้านที่ ๒ การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต มีเป้าประสงค์เพื่อพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำและระบบส่งน้ำใหม่ให้เต็มศักยภาพ พร้อมทั้งการจัดหาน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝน เพื่อขยายโอกาสจากศักยภาพโครงการ
ขนาดเล็กและลดความเสี่ยงในพื้นที่ไม่มีศักยภาพ ลดความเสี่ยง/ความเสียหายลง ร้อยละ ๕๐ รวมถึงการเพิ่มผลิตภาพและปรับโครงสร้างการใช้น้ำ โดยดำเนินการร่วมกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมเพื่อยกระดับผลิตภาพด้านน้ำทั้งระบบด้านที่ ๓ การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย มีเป้าประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การจัดระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง การจัดการพื้นที่น้ำท่วมและพื้นที่ชะลอน้ำ รวมทั้งการบรรเทาอุทกภัยในเชิงพื้นที่อย่างเป็นระบบ ในระดับลุ่มน้ำและพื้นที่วิกฤต (Area based) ลุ่มน้ำขนาดใหญ่ ลุ่มน้ำสาขา/ลดความเสี่ยงและความรุนแรงลงไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๖๐
ด้านที่ ๔ การจัดการคุณภาพน้ำ และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ มีเป้าประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมและระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน การนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ ป้องกันและลดการเกิดน้ำเสียต้นทาง การควบคุมปริมาณการไหลของน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ พร้อมทั้งพื้นฟูแม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความสำคัญในทุกมิติ เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ
ด้านที่ ๕ การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม และป้องกันการพังทลายของดิน มีเป้าประสงค์เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู พื้นที่ป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม การป้องกัน และลดการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ต้นน้ำและพื้นที่ลาดชัน
ด้านที่ ๖ การบริหารจัดการ มีเป้าประสงค์โดยการขับเคลื่อนการดำเนินการให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี อันประกอบด้วย การจัดทำกฎหมายรอง การจัดตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำ และองค์ลุ่มน้ำเพื่อเป็นกลไกในการจัดทำแผนและขับเคลื่อนแผนงาน/แผนปฏิบัติการในระดับลุ่มน้ำ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการพัฒนางานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ โดยพัฒนาเชื่อมโยงฐานข้อมูลทรัพยากรน้ำ และการสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำในระดับชุมชน
-
บทบาทหน้าที่ สทนช.1

(1) รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง
(2) ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนแม่บทการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ
(3) ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรผู้ใช้น้าในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู
และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้า และกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษทางน้ำในเขตลุ่มน้าเพื่อให้เป็นไปตามแผนแม่บทการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้า
(4) กลั่นกรองและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำเกี่ยวกับการอนุญาตการใช้น้ำและการเพิกถอนใบอนุญาตการใช้น้าประเภทที่สอง
(5) ส่งเสริมและติดตามการใช้น้ำประเภทที่สองในเขตลุ่มน้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการลุ่มน้ำ
(6) เสนอมาตรการป้องกันการขัดแย้งและแนวทางการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้น้ำในเขตลุ่มน้ำต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำ
(7 )ปฏิบัติงานอื่นตามที่เลขาธิการมอบหมาย
-
สทนช.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบฝายดอยน้อย เรื่องการยกบานประตูระบายน้ำ
สทนช.1 ลงพื้นที่ตรวจสอบฝายดอยน้อย เรื่องการยกบานประตูระบายน้ำ พร้อมรับฟังปัญหา เตรียมช่วยผลักดันงบประมาณเพื่อนำมาปรับปรุงฝายให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วันจันทร์ ที่ 7 ต.ค. 2567 นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 พร้อมด้วยนายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ นายวิสูตร จันทร์เขียว หัวหน้าฝ่ายช่างกล และนายณรงค์ วงศ์จันทร์ทิพย์ ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 7 โครงการชลประทานเชียงใหม่ ร่วมตรวจสอบฝายดอยน้อย ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ประเด็นปัญหาบานประตูระบายน้ำ และการแก้ไขสลิงบานประตู รวมถึงคันกั้นน้ำฝั่งซ้ายด้านหน้าฝายดอยน้อย พื้นที่บ้านท่าไม้ ตำบลน้ำดิบ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

นายอนันต์ เพ็ชร์หนู กล่าวว่า จากที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมที่เชียงใหม่ เลขา สทนช. ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล ก็ได้สั่งการให้ สทนช.ภาค 1 ประสานงานร่วมกับ โครงการชลประทานเชียงใหม่ ในประเด็นบานระบายน้ำฝายดอยน้อย จากการตรวจสอบดูทราบว่า บานประตูระบายน้ำฝายดอยน้อยทั้ง 6 บาน สามารถใช้งานได้อยู่ แต่ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยใน 6 บาน มี 1 บาน สามารถยกบานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 5 บาน สามารถยกบานได้ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 2.5 – 3 เมตร ทำให้ปริมาณน้ำน้ำในลำน้ำปิงที่ระบายผ่านประตูระบายน้ำลดลงเล็กน้อย จาก 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือ 800 ลบ.ม.ต่อวินาที

นายอนันต์ฯ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา เกิเน้ำล้นฝั่งซ้ายของลำน้ำปิง โดยล้นข้ามไปในจุดที่เรียกว่าทางระบายน้ำเดิมที่ทำไว้ช่วงทำการก่อสร้างฝายดอยน้อย น้ำก็จะออกตรงนั้นไปและสร้างความเสียหายในพื้นที่เกษตรบ้าง เพราะเป็นลักษณะน้ำไหลผ่านแล้วก็จะไปไหลลงแม่น้ำปิงในตอนท้ายฝายดอยน้อยอีกครั้ง
“การแก้ไขในระยะเร่งด่วน ชลประทานเชียงใหม่ได้เสนอแผนงานโครงการขอรับงบประมาณเหลือจ่ายจากกรมชลประทาน เพื่อมาแก้ไขในส่วนที่สลิงดึงบานชำรุดเสียหาย ซึ่งได้รับงบประมาณมาแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการที่จะดำเนินการ พอดีมีน้ำท่วมเข้ามาก่อน ส่วนงบในปี 68 ก็จะเป็นการนำมาซ่อมบำรุงเรื่องของบานประตูระบายน้ำ ระยะยาวในส่วยของคันกั้นน้ำฝั่งซ้ายที่น้ำได้ล้นเข้าไป ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่จะเสนอแผนงานโครงการที่จะก่อสร้างเป็นทางน้ำล้นฉุกเฉิน (Emergency Spilway) สำหรับน้ำที่จะต้องล้นข้ามไปลงทางระบายน้ำเดิม แล้วจะมีการออกประกาศทางน้ำ คือที่ให้น้ำไหลผ่านช่วงฉุกเฉิน” ผอ.สนทช.ภาค 1 กล่าวสำหรับ สทนช. เป็นเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ำแห่งชาติ ทางหนึ่งจะช่วยสนับสนุนผลักดันงบประมาณ ที่จะมาดำเนินการแก้ปัญหาฝายดอยน้อย ทั้งระยะสั้น ระยะยาว เพื่อการปรับปรุง ซ่อมแซมฝายให้แล้วเสร็จ -

ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ลุ่มน้ำในเขตภาคเหนือ ครอบคลุม 6 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำสาละวิน (01) ลุ่มน้ำโขงเหนือ (02) ลุ่มน้ำปิง (06) ลุ่มน้ำวัง (07)
ลุ่มน้ำยม (08) และลุ่มน้ำน่าน (09)
ซึ่งการบริหารทรัพยากรน้ำจะบูรณาการร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำ และพื้นที่จังหวัด จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย
จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก พะเยา พิจิตร แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ น่าน พิษณุโลก และแพร่
-
วิสัยทัศน์

“เป็นองค์กรชั้นนำในอาเซียนด้านการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการบนหลักธรรมาภิบาลภายในปี 2570“
-
ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1 และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำวัง จังหวัดตาก
วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1 และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำวัง จังหวัดตาก
นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 1 พร้อมด้วยนางสาวธวัลรัตน์ อุประนันท์ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำวัง และเจ้าหน้าที่ สทนช. ภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจติดตามและชี้แนะแนวทางเกี่ยวกับปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำวัง ของตำบลแม่สลิด อำเภอบ้านตาก และตำบลยกกระบัตร อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ในการนี้เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลในเขตพื้นที่ตำบลแม่สลิด และตำบลยกกระบัตรเข้าร่วมการตรวจติดตาม และรับฟังการชี้แนะแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำดังกล่าว ทำให้เห็นถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นกับหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ รวมถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่

-
การฟื้นฟูคุ้งน้ำตามธรรมชาติช่วยป้องกันน้ำท่วมได้อย่างไร
แม่น้ำลำธารที่เคยไหลคดเคี้ยวทั่วโลก ถูกขุดลอกปรับแต่งให้ทางน้ำกลายเป็นเส้นตรงมากขึ้นตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันต่างกล่าวกันว่า การฟื้นคืนสภาพสายน้ำให้มีคุ้งโค้งตามธรรมชาติดังเดิม จะช่วยป้องกันน้ำท่วมและสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ให้กับสัตว์ป่านานาชนิดได้
ลำธาร “สวินเดลเบ็ก” (Swindale Beck) ในมณฑลคัมเบรียของอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ของเนินเขาและทะเลสาบ “เลกดิสทริก” (Lake District) สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันโด่งดัง เคยเป็นลำธารที่ไหลคดเคี้ยวผ่านทุ่งหญ้า หุบเขา และพื้นที่การเกษตรอันกว้างใหญ่ แต่ในช่วงไม่กี่ร้อยปีมานี้ เส้นทางของมันเริ่มจะเปลี่ยนเป็นเส้นตรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
สภาพการณ์ดังกล่าวน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะแม่น้ำลำธารที่มี “สุขภาพสมบูรณ์” ควรจะคดเคี้ยวและไหลอย่างเป็นอิสระ รวมทั้งเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดที่มาอยู่อาศัย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม่น้ำลำธารในสหราชอาณาจักรถึง 97% ถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วน ๆ ด้วยฝายและเครื่องกีดขวางที่มนุษย์สร้างขึ้น ปัจจุบันสายน้ำในประเทศแห่งนี้จะมีเครื่องกีดขวางดังกล่าวตั้งอยู่ทุก 1.5 กิโลเมตร และในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา มันยังถูกขุดลอกปรับแต่งให้กลายเป็นคูคลองแบบเส้นตรงมากขึ้นทีละน้อย เพื่อป้องกันน้ำเอ่อท่วมเข้าสู่บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร
ทว่าการทำลายคุ้งโค้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของสายน้ำ กลับส่งผลในทางตรงกันข้ามกับที่มนุษย์คาดไว้ เพราะไปขัดขวางการไหลของน้ำและทำให้แหล่งที่อยู่ของสัตว์น้ำเสื่อมคุณภาพลง นอกจากนี้ คุณภาพน้ำยังได้รับผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยยังสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งไม่นานมานี้แม่น้ำลำธารหลายสายของยุโรปตกเป็นข่าวว่ากำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่ เนื่องจากมีสัตว์ป่ามาอยู่อาศัยน้อยลง รวมทั้งปนเปื้อนมลพิษจากน้ำทิ้งเน่าเสียและน้ำที่ระบายออกจากพื้นที่การเกษตร ทำให้มีชุมชนหลายแห่งเริ่มหันไปใช้วิธีธรรมชาติ เพื่อบำบัดฟื้นฟูสายน้ำในท้องถิ่นของตน

แม่น้ำบางสายได้รับการฟื้นฟูด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “การจัดการน้ำท่วมแบบธรรมชาติ” (NFM) เช่นการสร้างเขื่อนไม้ที่ปล่อยให้น้ำไหลผ่านได้, การปลูกต้นไม้, หรือการปล่อยให้ตัวบีเวอร์เข้าไปทำรังและสร้างฝายเองตามธรรมชาติ โดยแนวคิดหนึ่งที่ใช้เทคนิคนี้ ได้แก่การคืนคุ้งโค้งให้กับแม่น้ำและลำธารสาขา ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงเนเธอร์แลนด์ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร กำลังดำเนินโครงการคืนสภาพสายน้ำทีละเล็กละน้อย เพื่อให้ทางน้ำกลับมาไหลคดเคี้ยวเหมือนที่เคยเป็นในอดีต และโครงการในสหราชอาณาจักรนั้นก็กำลังผลิดอกออกผล โดยเริ่มมีปลา นก และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำนวนมาก กลับมาอาศัยตามแหล่งน้ำในมณฑลคัมเบรียและเวสต์ซัสเซกซ์แล้ว

Cradit
- แฟรงกี แอดกินส์
- Role,บีบีซีฟิวเจอร์

